หมวดหมู่อบรมสัมมนา

LEAN TRANSFORMATION การเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจไปสู่ลีน

มีค่าใช้จ่าย บาท

LEAN TRANSFORMATION การเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจไปสู่ลีน


หลักการและเหตุผล  (About the Event)                             

ขับเคลื่อนการเปลี่ยนรูปธุรกิจไปสู่ ลีน เพื่อลดต้นทุนให้ต่ำสุด คุณภาพสูงสุด โดยใช้เวลาในกระบวนการจนถึงการ ส่งมอบให้กับลูกค้าให้น้อยที่สุด (Driving business transformation to LEAN for least operating costs, top quality and least processing time)

  • อนาคตกำลังไล่ล่าคุณ LEAN ปฏิวัติระบบการทำงานไปแล้วโดยสิ้นเชิง (Future is hunting you; LEAN has completely evolved working methods.)
  • การเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจไปสู่ LEAN หมายความว่าอย่างไร? จะเริ่มต้นที่จุดไหน (What is the meaning of business transformation? Where should begin?)
  • วิเคราะห์ปัญหาโดยการสร้าง Value stream mapping เพื่อค้นหาจุดคอขวด และปรับปรุง (Analyze flowing bottlenecks by value stream mapping)
  • จะพัฒนาคนให้มีขีดความสามารถในระบบ LEAN ได้อย่างไร (How to develop employees to LEAN working processes?)
  • อะไรคือความสูญเสีย 8 ประการ (8 wastes) มีแนวทางปรับปรุงแก้ไขให้สำเร็จอย่างยั่งยืนได้อย่างไร
  • สร้างวัฒนธรรมการค้นหา-บ่งชี้ ขั้นตอนงานที่ไม่มีประโยชน์ (NVA) และปรับปรุงแก้ไข (Building organization culture to analyze non value added working activities and improvement )
  • วิธีใช้เครื่องมือคุณภาพ เช่น Brainstorming, Pareto chart, Why-Why-analysis and How, T-Chart (How to apply quality tools such as brainstorming, Pareto chart, Why-Why analysis and how etc.)
  • อะไรคือปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จในการนำแนวทางต่างๆ ของแนวคิดแบบ LEAN มาปฏิบัติอย่างยั่งยืน (What are sustainable key success factors to implement LEAN working process?)

 

เคล็ดลับ "การเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจไปสู่ LEAN”  ทำให้ท่านสามารถนำมาสร้างความสำเร็จกับองค์กรของท่านได้ แนวคิดและข้อมูลที่นำเสนอในการสัมมนาครั้งนี้ สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจได้ทุกประเภท นอกจากโรงงานแล้ว ยังรวมไปถึงธุรกิจบริการ อย่างเช่น โรงพยาบาล ธนาคาร สถาบันการเงิน การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์  การก่อสร้างและอื่น ๆ อีกมากมาย  ทั้งนี้ยังมีผู้ที่มีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องอีกเป็นอันมากว่า ระบบลีนจำกัดอยู่เฉพาะการผลิตเท่านั้น  แต่ข้อมูลในการสัมมนาครั้งนี้จะแสดงให้เห็นว่า ระบบลีนสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจใดๆ ก็ตามที่แสวงหาแนวทางในการลดเวลาในกระบวนการทำงาน เพื่อส่งมอบ สินค้า งาน ข้อมูล เอกสาร ให้ได้ตามเป้าหมายและ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ 

งานทุกงานมี 8 Waste ทั้งสิ้น ในประเทศที่พัฒนาแล้ว Lean ถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวาง เพราะ Lean กำลังเปลี่ยนการทำงานของโลก (There are 8 wastes in every organization, LEAN is widely used in the developed countries, LEAN is changing the world)

 

วัตถุประสงค์ (objective)                                                                                         .     

 

  • เพื่อให้องค์กรผู้เข้าร่วมสัมมนาตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนรูปธุรกิจไปสู่ Lean

(Stimulate participated organizations realize the necessitate of changing to Lean)

  • Lean ใช้ได้กับองค์กรที่มุ่งขจัดความสูญเสีย 8 ประการ เพื่อลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพ และลดเวลางาน

(Lean is widely applicable to organizations who aims to eliminate 8 deadly wastes)

  • เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนารู้ว่าจะเริ่มต้นทำ Lean ที่จุดไหน ทำอย่างไร

(Enable participants to know where to start Lean process and how to implement)

  • องค์กรมีความสามารถในการลดต้นทุน ลดเวลาส่งมอบสินค้าและบริการ ผลงานที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ

(Capacity building organization in costs reduction, shortening delivery lead time and best quality)

  • องค์กรเพิ่มระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน

(Increasing competitiveness)

 

สิ่งที่ท่านจะได้เรียนรู้  (What you will learn)                                                         .     

 

  • ความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับปรัชญาของ LEAN (LEAN deep understanding in LEAN philosophy)
  • จะเริ่มต้น สร้างระบบ LEAN ที่จุดไหน เริ่มอย่างไร (How to start to implement LEAN and where?)
  • การเขียนแผนผังสายธารแห่งคุณค่าเพื่อให้ตระหนักถึงสถานการณ์ปัจจุบัน (Value stream mapping to analyze the current situation)
  • LEAN เริ่มตั้งแต่องค์กรของเรา ลูกค้า ลูกค้าของลูกค้า (Scope of lean starts from suppliers of supplier, supplier—our organization—customers—customers of customer)
  • ได้เรียนรู้เรื่อง flow diagram, flow chart, man and machine chart
  • เรื่องเทคนิคการวัดเวลาการทำงาน Throughput time การวัด cycle time, Take time
  • การปรับเรียบโดย Line balancing
  • 8 wastes และวิธีการขจัด
  • CI-Kaizen การปรับปรุงคุณภาพงานอย่างต่อเนื่อง
  • การพัฒนา สมรรถนะ พนักงาน (Employee competency development)
  • การซ่อมบำรุงแบบทวีผล (Total Productive Maintenance)
  • แนวทางสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน (The way to sustainable successful)

 

กลุ่มเป้าหมาย  (Who should attend?)                                                                .     

  • ผู้บริหารอาวุโส (Senior management)
  • กรรมการผู้จัดการ (Managing Director)
  • ผู้บริหารโรงงานทุกระดับ  (Factory management all levels)
  • ผู้บริหารโรงพยาบาล ธุรกิจดูแลสุขภาพ Healthcare ทุกระดับ (Hospital management and healthcare business all levels)
  • ผู้บริหารโครงการก่อสร้างทุกระดับ (Construction management all levels)
  • ผู้บริหาร Logistics บริษัทขนส่งทุกระดับ (Logistics management all levels)
  • ผู้บริหารบริษัทการเงิน ธนาคาร (Financial institutes)
  • ผู้บริหารสถานศึกษา (Education institutes)
  • ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ (Government sector)
  • ผู้บริหารห้างสรรพสินค้า (Department stores)
  • วิศวกรกระบวนการผลิต (Manufacturing engineer)
  • วิศวกรอุตสาหกรรม (Industrial engineer)
  • ผู้ทำงานเกี่ยวกับการผลิตแบบ Lean (Lean transformation leader)
  • ผู้อบรมประจำองค์กรต่างๆ (Trainers, Speakers)

วิทยากร  (Speaker)                                                                                                .     

 

อาจารย์พิสิทธิ์ ชูยงค์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน Productivity improvement ของ องค์การสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาการค้า UNCTAD (United Nations Conference for Trade Development) และ USAID (United State Aid for International Development) และผู้เชี่ยวชาญในระดับสากลว่าด้วยการผลิตแบบลีน อาจารย์มีประสบการณ์ตรงจากการเคยเป็นวิศวกรอุตสาหการ ผู้จัดการฝ่าย Industrial engineering, Production manager, Factory manager, General manager, และวางระบบ Lean ในโรงงานมาตั้งแต่ปี 1987 นอกจากนี้ยังได้มีส่วนในการช่วยให้องค์กรอื่น ๆ นำแนวทางดังกล่าวไปปฏิบัติจนได้รับความสำเร็จอย่างมหาศาล  โดยในการสัมมนาครั้งนี้ อาจารย์พิสิทธิ์ ชูยงค์ จะมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์กับท่านถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้มา ในการทำความเข้าใจวัตถุประสงค์และพลังแห่งการปฏิบัติตามวิถีแห่งลีน

ตารางการอบรม  Agenda                                                                                        .     

 

08:30 น.           ลงทะเบียน  วาระการประชุม

 

09:00 น.        เปิดตัวการสัมมนา Lean transformation การเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจไปสู่ LEAN

Lean คืออะไร?  (What is LEAN?)

  • วิวัฒนาการ LEAN มาจากไหน?
  • Lean เปลี่ยนโลกนี้ได้อย่างไร?
  • จาก Just-In-Time สู่ Lean ในองค์กร สู่ Lean ทั้ง business จากต้นน้ำ-กลางน้ำ-สู่ลูกค้า

วิเคราะห์กระบวนการระดับ Macro ด้วย การสร้าง Value Stream Mapping

(Analyze macro-process with value stream mapping)

  • ออกแบบ flow diagram ตั้งแต่ ผู้ส่งมอบ ของ ผู้ส่งมอบ—ผู้ส่งมอบ—กระบวนการภายในองค์กร—ลูกค้า—ลูกค้าของลูกค้า
  • วิเคราะห์บ่งชี้จุดคอขวด การประเมินผู้ส่งมอบ พัฒนาผู้ส่งมอบ capacity planning, E-Kanban, SKU, suppliers quality management, electronic data interchange (EDI)

 

10:15 น.        พักรับประทานอาหารว่าง

ชนิดของกระบวนการทำงาน-กระบวนการเอกสาร-การผลิต-ข้อมูล

(Type of working and manufacturing processes)

  • แบบต่อเนื่อง
  • แบบผสม ต่อเนื่อง+ไม่ต่อเนื่อง
  • แบบไม่ต่อเนื่อง

จัดทำกระบวนการทำงานภายในองค์กร ด้วย Flow process chart, ให้ผู้เข้าร่วมทดลองทำ

(Design lean process in organization with flow process chart, participants practice)

  • ชี้ให้เห็นขั้นตอนที่เป็นการปฏิบัติงานจริงๆ (operation) มีกี่ขั้นตอน
  • ชี้ให้เห็นขั้นตอนที่ปรับปรุงได้เช่น เคลื่อนย้ายวัสดุ เครื่องมือ เอกสาร คนไข้ ระยะทางและจำนวนครั้ง
  • ขั้นตอนที่ต้องทำการตรวจสอบ กี่ครั้งและกี่นาที
  • ขั้นตอนที่ล่าช้าก็จะปรากฏ เกิดการรอ กี่ครั้งและกี่นาที
  • ขั้นตอนที่กองเก็บ-รอ กี่ครั้ง ก็จะมองเห็น และกี่นาที
  • วิธีปรับปรุงงานด้วย ECRS

การวัดเวลาการทำงาน (Time measurement)

  • 3 T มีอะไรบ้าง?
  • Throughput time หรือเวลารวมทั้งหมด
  • Takt time คืออะไร ใช้ในการวางแผนงานได้อย่างไร?
  • Cycle time คืออะไร วิธีวัด C/T, allowance ต่างๆ

 

12:00 น.        พักรับประทานอาหารกลางวัน

        

13.00 น. ความสูญเสีย 8 ประการที่ต้องขจัดในระบบ LEAN (8 deadly wastes to eliminate)

  1. Over production
  2. WIP มากเกินไป แก้ได้โดย
  • Kanban คัมบัง
  • Just-In-Time : 3 R---Right item—Right time---Right quantity
  • One piece flow
  1. การบวนการย่อยไม่ต่อเนื่องกับกระบวนการหลักแก้ไขโดย
  • วิเคราะห์กระบวนการภายในองค์กร-แผนก ด้วย Flow chart
  • ทำ Kanban, 3 R
  1. ของเสีย-งานผิด หรือ Defects แก้ไขโดย
  • กระบวนการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง CI-Kaizen…P-D-C-A
  1. การเคลื่อนย้ายที่เสียเวลา แก้ไขโดย
  • วิเคราะห์การไหลของงานด้วย Flow chart
  • วางผังเครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์ใหม่ ระบบ 5 ส
  1. การเคลื่อนไหวมือการหยิบ การวางที่เสียเวลา
  • ออกแบบอุปกรณ์ช่วยงาน
  • วิเคราะห์ด้วย Man & Machine chart
  1. เวลารอที่เสียเวลาต่างๆ
  • ถ้าเกิดจาก supplier ก็ร่วมกันพัฒนาปรับปรุงแก้ไข
  • ถ้าเกิดจาก ลูกค้า ก็ร่วมกันพัฒนาปรับปรุงแก้ไข
  • ถ้าเกิดจาก กระบวนการทำงานภายในองค์กรก็พัฒนากระบวนการลูกค้าภายใน ยึด 3  R
  • ทำรายงานบันทึกเวลารอที่เสียเวลาต่างๆ เสนอต่อ management
  1. องค์กรไม่ได้ใช้ความสามารถของคน แก้โดยพัฒนา competency
  • คัดเลือกคนที่เหมะสม จาก Job specifications
  • การวัด competency ด้วย competency dictionary
  • ทำ Skill Matrix
  • ฝึกอบรม gab ความรู้ความชำนาญ

 

15:00 น.        พักรับประทานอาหารว่าง

 

16:30 น. การซ่อมบำรุงแบบทวีผล ( Total Productive Maintenance : TPM)

  • TPM คืออะไร? มีวัตถุประสงค์อย่างไร? มีองค์ประกอบอย่างไรบ้าง?
  • การแบ่งบทบาทหน้าทีของ Machine operator และ บทบาทหน้าที่ของช่างซ่อมบำรุง
  • 7 ขั้นตอนมุ่งสู่ การบำรุงรักษาแบบอิสระด้วยตนเอง Autonomous Maintenance (AM)
  • 8 เสาหลักของ TPM
  • 12  ขั้นตอนในการ implement TPM
  • การวัดผลงาน TPM             

                                            

16:30 น.      ช่วงตอบคำถาม การแจกลายเซ็นต์

 

วันที่ 23 มีนาคม 2559 ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ สุขุมวิท 22 (09.00 น. - 16.30 น.)


หน่วยงาน/บริษัท :

AIM Training

ชื่อผู้ติดต่อ :

Napatsorn Suanngampol

โทร :

0987500542

ข้อมูลผู้ลงประกาศ

หมายเลขประกาศ

2857

ลงประกาศวันที่

2 มีนาคม 2559 เวลา 11:30 น.

หมวดหมู่หลัก

อบรม การบริหารจัดการ-กลยุทธ์ธุรกิจ

ลักษณะงาน

มีค่าใช้จ่าย

ราคา

หน่วยงาน/บริษัท

AIM Training

ชื่อผู้ติดต่อ

Napatsorn Suanngampol

เบอร์โทรศัพท์

0987500542

สัมมนาที่คุณอาจสนใจ

บทความน่าสนใจ

สวมวิญญาณนักคิด ความสำเร็จอยู่ไม่ไกล

สวมวิญญาณนักคิด ความสำเร็จอยู่ไม่ไกล

1.คิดเพื่อเริ่มการคิดเพื่อเริ่ม คือ เวลาคุณต้องการใช้ความคิดเพื่อสร้างระโยชน์ ต้องเริ่มจากการคิดให้เป็น ต่อมาต้องวิเคราะห์ความเป็นไปได้ว่า สิ่งที่จะทำนั้นจะสำเร็จไหม ซึ่งนับเป็นกระบวนการคิดขั้นแรกที่ทุกคนควรรู้ 2.หาไอดอลเมื่อคุณอยากเป็นนักคิด แล้วประสบความสำเร็จ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ลองหาไอดอลคนที่เป็นนักคิด นักสร้างสรรค์ผลงานดู เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน แล้วคุณก็จะถูกสวมวิญาณนักคิดเอง 3.ไม่ลอกผลงานใครนักคิดที่ดี ห้ามลอกผลงานใคร เพราะนักคิดต้องรู้จักสร้างสรรค์งานด้วยตัวเอง จะได้ประสบความสำเร็จอย่างน่าภาคภูมิใจ ที่สำคัญส่งผลให้คนอื่นเชิดชูคุณจากใจจริงอีกด้วย 4.หาจินตนาการจินตนาการ คือ หนทางนำไปสู่ความสำเร็จ ดังนั้น วิธีสร้างจินตนาการง่ายๆ เลยคุณต้องลองวาดฝันว่า คุณอยากทำอะไร ต้องการประสบความสำเร็จด้านไหน แล้วตัวเองมีความถนัดเรื่องอะไร โดยต้องนำทั้งหมดมารวมกันเพื่อสร้างจินตนาการนั้นออกมา แล้วคุณก็จะเห็นลู่ทางในการลงมือทำเอง 5.ออกค้นหาการออกค้นหาสามารถให้อะไรคุณได้มากเลยทีเดียว ทั้งความรู้ แนวคิดใหม่ๆ จินตนาการ ความสร้างสรรค์ และอีกมากมาย ดังนั้น การออกค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการบนโลกกว้างก็ช่วยได้เยอะเช่นกัน 6.ลงมือทำการลงมือทำทั้งๆ ที่ตัวเองยังไม่มีความรู้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หรือเรื่องน่าอาย เพราะการลงมือทำนี่แหละช่วยให้คุณค้นพบความคิดใหม่ๆ แนวทางใหม่ ที่สำคัญอาจทำให้คุณมรประสบการณ์สร้างความสำเร็จได้โดยเร็วอีกด้วย 7.หาเวลาว่างให้ตัวเองการมีเวลาว่างเพื่อคิดอะไรบ้างอย่างในสถานที่ที่เงียบสงบ สะดวกต่อการคิดทบทวนเรื่องต่างๆ ก็สามารถช่วยให้ความคิดไหลลื่น และแตกฉานได้โดยง่าย ดังนั้น ลองหาเวลาว่าง และสถานที่สงบๆ คิดหาความก้าวหน้าดู แล้วคุณจะพบจุดจบแห่งความสำเร็จอย่างแน่นอน 8.อ่านให้เยอะการอ่านให้เยอะๆ คือ การศึกษาความรู้จากตำรา หรือแหล่งความรู้ทั่วไป ซึ่งการที่คุณมีความรู้ มักจะช่วยให้คุณสามารถคิดและวิเคราะห์ความสำเร็จได้ง่ายขึ้น และไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกมากมาย เพียงใช้ความรู้ทั้งหมดมาปฏิบัติให้สำริดผลก็เพียงพอ 9.หาตัวช่วยตัวช่วยที่ดี คือ ช่วยคิด ช่วยวิเคราะห์ และช่วยไตร่ตรอง เพราะบางทีความคิดคุณคนเดียวอาจไม่ใช่ความคิดที่ดีที่สุด จึงต้องมีตัวช่วยอย่างยิ่ง เพื่อให้เกิดหลายแนวความคิดนั่นเอง 10.ดูแล้ววิเคราะห์การวิเคราะห์ผลงานคนอื่น ช่วยให้สมองเกิดกลไก และมีการทำงานที่ดีขึ้น อีกทั้ง ช่วยให้คุณสามารถนำความรู้จากการวิเคราะห์นี้ไปต่อยอดความสำเร็จของตัวเองได้ และเป็นวิธีที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการประสบความสำเร็จในเรื่องของงาน หรือการดำรงชีวิตของตนเอง

“ฟังสัมมนาอย่างไร ให้ก้าวหน้า!!”

“ฟังสัมมนาอย่างไร ให้ก้าวหน้า!!”

“ฟังสัมมนาอย่างไร ให้ก้าวหน้า!!”“ฟังสัมมนาอย่างไร ให้ก้าวหน้า” ลักษณะของงานสัมมนาทั่วไปเป็นกิจกรรมที่แบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ “การประชุม” และ “วิธีการสอน” >>เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็น>>หาข้อสรุปหรือข้อเสนอแนะในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง>>หาทางออกให้กับปัญหาแต่สำหรับใครที่อยากประสบความสำเร็จต้องฟัง แล้ววิเคราะห์ และทดลอง ดังนั้น เรามาดูกันว่า ฟังสัมมนาอย่างไร ให้มีความรู้ และก้าวหน้าได้อย่างสำเร็จ1.ฟังอย่างมีจุดมุ่งหมายโดยทั่วไปจุดมุ่งหมายของการฟังมี 3 อย่าง คือ ฟังเพื่อความเพลิดเพลิน , ฟังเพื่อความรู้ , ฟังเพื่อให้ได้คติชีวิตหรือความจรรโลงใจ ดังนั้น เมื่อใครที่เข้าสัมมนาแล้วมีจุดมุ่งหมายคือ “ความสำเร็จ”ต้องตั้งใจฟังเพื่อความรู้ และตักตวงความรู้จากการฟังให้มากที่สุด ถ้าความจำไม่ค่อยดี ก็ใช้วิธีจดบันทึก เพื่อเก็บความรู้ให้มากที่สุด 2.มีความพร้อมการที่คุณมีความพร้อม ต้องมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ตลอดจนมีความพร้อมทางสติปัญญา พร้อมทางร่างกาย    เช่น   สุขภาพทางร่างกายเป็นปกติ ไม่เหนื่อย ไม่อิดโรย และต้องพร้อมทางจิตใจด้วย เพื่อให้เวลาฟังสัมมนาจะได้มีสติฟังอย่างเข้าใจ แล้วทุกอย่างจะดีเอง 3.ฟังโดยมีสมาธิสมาธิ คือ สิ่งที่สำคัญสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งการฟังโดยมีสมาธิ หมายถึง ฟังด้วยความตั้งใจจดจ่ออยู่กับเรื่องที่ฟัง ไม่ปล่อยจิตใจให้เลื่อนลอยไปที่อื่น ไม่เช่นนั้น ความรู้ที่คุณจะได้รับกลายเป็นศูนย์อย่างแน่นอน 4.กระตือรือร้นใครที่ฟังสัมมนาความรู้มีความกระตือรือร้น มักจะเป็นผู้ฟังที่มองเห็นประโยชน์หรือเห็นคุณค่า จึงสนใจฟังเรื่องนั้นจริงๆ ซึ่งความกระตือรือร้นส่งผลดี ทำให้จิตใจ และความตั้งใจที่จะเก็บเกี่ยวความรู้ได้มากที่สุด ไม่เพียงเท่านี้ ยังทำให้สมองเปิดรับความรู้ได้จำนวนมากอีกด้วย 5.ไม่มีอคติคนที่มีอคติ ย่อมทำให้จิตใจร้อน ปิดการรับฟัง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อตัวคุณเลย เพราะถ้าหากต้องการฟังสัมมนาให้เกิดความรู้ และความเข้าใจไม่ว่าคุณจะมีอคติอะไรก็ตามแต่ ต้องปล่อยวาง และแยกะแยะ มุ่งศึกษาหาความรู้ดีกว่า ที่สำคัญการไม่มีอคติต้องพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วน เพื่อไม่ให้เป็นโทษแก่ผู้อื่น 6.มีมารยาทในการฟังมารยาทในการฟังที่ดี ต้องรู้จักเคารพผู้พูด และคนรอบข้าง โดยการแสดงความกระตือรือร้นที่จะฟัง ตั้งคำถามตามความเหมาะสม ยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป และต้องไม่ใช้อารมณ์หรือนิสัยส่วนตัวมาตัดสินเรื่องต่างๆ ในห้องสัมมนาด้วย 7.มีความประสงค์ที่แน่นอนเมื่อคุณเลือกที่จะเข้าสัมมนาเพื่อไปหาความรู้ นั่นคือความประสงค์ของคุณ ดังนั้น ต้องพยายามฟังให้ได้ตามความจุดหมายมากที่สุด โดยใช้วิจารณญาณเลือกฟังแต่เรื่องที่ควรฟังและหลีกเลี่ยงเรื่องที่ไม่เหมาะสม รู้จักแยกแยะส่วนที่เป็นข้อเท็จจริงและความคิดเห็น รู้จักใช้เหตุผลประกอบในการแสดงความเห็น โดยต้องรู้จักใช้ศิลปะในการฟังด้วย 8.แยกแยะข้อเท็จจริงเมื่อฟังสัมมนาความรู้แล้ว อย่าเชื่อไปทุกเรื่องที่ได้ฟังมา คุณต้องนำข้อมูลนั้นมาพิจารณาให้เห็นถึงข้อเท็จจริง ถ้าข้อมูลไหนที่ไม่แน่ใจต้องไปค้นหาคำตอบ หรือยกมือเพื่อสอบถามให้ได้รายละเอียดที่แน่ชัด เป็นต้น 9.ดูเจตนาของผู้พูดผุ้ฟังที่ดี ที่ต้องการได้ความรู้จากการฟังสัมมนา เพื่อใช้เป็นแนวทางหาหนทางความสำเร็จ ต้องรู้จักดูเจตนาของผู้พูด เพราะบางครั้งผู้พูดอาจบอกเล่า แถลงการณ์รายงานเรื่องราวต่างๆหรือพูดนอกเรื่องไปต่างๆ นานา ฉะนั้น ผู้ฟังต้องพิจารณาถึงข้อมูลที่มีสาระกับไม่มีสาระให้ถูกต้อง เพื่อการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 10.ความสำคัญของเรื่องที่พูดผู้ฟังต้องวิเคราะห์ถึงความสำคัญและความเป็นมาของเรื่องที่ผู้พูดให้ดีๆ ว่าผู้พูดได้แสดงความสำคัญเรื่องนั้นๆ อย่างไรบ้าง และมีประโยชน์ต่อตัวคุณเองมากน้อยแค่ไหนเพราะการที่เราจดทุกรายละเอียดที่พูด อาจทำให้ข้อมูลที่สำคัญหล่นหลายไปได้ จึงควรแยะความสำคัญของเรื่องที่ฟังด้วย ดังนั้น คุณเองก็ต้องย้อนกลับไปอ่านข้อที่ 1 ด้วยว่าตัวคุณเองมีจุดมุ่งหมายอย่างไรกับการเข้าฟังสัมมนาในครั้งนี้

10 คุณสมบัติของการเป็นผู้นำ

10 คุณสมบัติของการเป็นผู้นำ

อยากประสบความสำเร็จต้องมีสิ่งนี้เป็นพื้นฐาน ภาวะการเป็นผู้นำไม่ใช่ว่าหัวหน้างาน ผู้จัดการเท่านั้นที่ต้องมีแต่เป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะมี เพราะมีความสำคัญต่อการทำงานมากๆผู้นำที่ยอดเยี่ยม ต้องมีวิสัยทัศน์ มีความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ ความอ่อนน้อมถ่อมตน1.เห็นคุณค่าผู้นำที่ชาญฉลาดจะให้ความสำคัญกับทีมและบุคคล เพราะตระหนักว่าความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะความช่วยเหลือของทีม ยิ่งไปกว่านั้นการเห็นคุณค่ายังช่วยให้กำลังใจพัฒนาความเชื่อมั่นและสร้างจุดแข็งอีกด้วย 2.มั่นใจความไว้วางใจและความเชื่อมั่นในการเป็นผู้นำเป็นตัวบ่งชี้ ความน่าเชื่อถือและความพึงพอใจของพนักงาน ผู้นำที่ดีต้องไม่กลัวที่จะถูกท้าทายด้วยอุปสรรคปัญหาใหม่ๆ 3.ความเห็นอกเห็นใจผู้นำที่ดีจะใช้ความเห็นอกเห็นใจในการรับรู้ ถึงความต้องการของผู้ที่พวกเขาเป็นผู้นำและตัดสินใจเลือกแนวทางที่จะเป็นประโยชน์ สูงสุดแก่บุคคลและทีมงาน 4.กล้าหาญผู้นำต้องกล้าที่จะตัดสินใจในทันที ไม่แสดงท่าทีลังเลหรือขาดความมั่นใจ ความกล้าหาญของผู้นำจะสร้างขวัญกำลังใจให้กับลูกทีมได้ดี 5.มีความยืดหยุ่นผู้นำที่ดีสามารถยืดหยุ่นได้ พวกเขาปรับเปลี่ยนตนเอง ตามสถานการณ์บริบทและสถานการณ์ที่พวกเขาพบ พวกเขายินดีต้อนรับแนวคิดใหม่ๆและยอมรับ การเปลี่ยนแปลง 6.ซื่อสัตย์ผู้นำที่ฉลาดไม่กลัวที่จะสื่อสารความจริงกับคนของพวกเขา ความซื่อสัตย์เป็นเรื่องของความสุจริต ที่จะสร้างความไว้วางใจ ความซื่อสัตย์ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น 7.หนักแน่นไม่กลัวปัญหาที่ต้องเผชิญ มีสติและรู้เสมอว่าทุกปัญหา ต้องผ่านไปได้เสมอมีจุดยืนของตัวเองกล้าหาญที่จะยืนหยัด รักษาความถูกต้อง แม้จะเจอกับอุปสรรค ผู้นำต้องหนักแน่นและไม่ท้อถอยง่ายๆ ไม่งั้นคุณก็ป็นเพียงผู้ที่เกิดมาเพื่ออยู่ ภายใต้บังคับบัญชาเท่านั้น 8.ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดผู้นำที่ดีต้องมีความเป็นกลาง ไม่อคติกับผู้ร่วมงาน เพราะอาจส่งผลให้คนในทีมเขม่นกันเอง ประสิทธิภาพของงานก็ด้อยลงเพราะทีมขาดความสามัคคี 9.ตอบสนองผู้นำที่ดีจะตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใต้บังคับบัญชา รู้จักปรับพฤติกรรมให้เหมาะสมกับสถานการณ์มากที่สุด คอยรับฟังทีมและให้ความสำคัญกับทีม 10.นอบน้อมความอ่อนน้อมถ่อมตนไม่ได้หมายความว่าคุณอ่อนแอ หรือไม่มั่นใจในตนเอง แต่ชี้ให้เห็นว่าคุณมีความมั่นใจ ในตนเองและมีความตระหนักในตนเองในการรับรู้ คุณค่าของผู้อื่น

10 เคล็ดลับสร้างแรงบันดาลใจสู่ความสำเร็จ

10 เคล็ดลับสร้างแรงบันดาลใจสู่ความสำเร็จ

1.ทำสิ่งที่ไม่เคยทำไปในที่ที่ไม่เคยไป เมื่อไหร่ที่ชีวิตได้ลองทำหรือได้ไปในสถานที่แปลกใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจแล้วล่ะก็ ความเบื่อหน่าย อาการเนือยๆ มันจะหายไปภายในพริบตาเดียว คุณจะรู้สึกว่าชีวิตยังมีอะไรที่น่าค้นหาอีกเยอะ แล้วแรงบันดาลใจจะหลั่งไหลพรั่งพรูเข้ามาอย่างไม่ขาดสายเลยทีเดียว 2.มองโลกในแง่ดีคนมองโลกในแง่ดี มักมีโอกาสดีกว่าคนอื่น เพราะเมื่อมองทุกอย่างเป็นบวก ก็ช่วยให้มีสุขภาพจิตดี ความคิดโปร่งใส และทำให้เกิดจินตนาการและแรงบันดาลใจที่ดีเกิดขึ้นมาได้ 3.ควรสร้างทัศนะคติแบบ “ฉันทำได้”นี่คือหนึ่งในทัศนะคติที่สำคัญที่สุดในการที่จะประสบความสำเร็จ คนเรามีโอกาสเข้ามาในชีวิตมากมายแต่หลาย ๆ คนก็ได้ปฏิเสธโอกาสเหล่านั้นด้วยคำว่า “ทำไม่ได้” ซึ่งทำให้หลายๆ คนล้มเหลว เมื่อเราคิดว่า “เราทำได้” ร่างกายทุกอย่างก็จะเกิดการตอบสนองต่อความคิดนี้และเราก็จะเห็นเราสามารถทำสิ่งต่างๆได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะทำสิ่งต่างๆให้ประสบความสำเร็จ 4.รู้จักบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพและชาญฉลาดทุกคนในโลกนี้มีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันหมด แต่สิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างคือ ใครใช้เวลาที่มีอยู่นั้นได้คุ้มค่ากว่ากัน ได้ทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับเป้าหมายของตนหรือไม่ เมื่อตระหนักได้ตามนี้จะทำให้รู้ว่าควรมุ่งมั่นต่อเป้าหมายของตนและดำเนินชีวิตได้ดียิ่งขึ้น 5.ความผิดพลาดมีไว้ให้เรียนรู้ไม่ได้มีไว้ให้เจ็บช้ำหรือโศกเศร้าเสียใจ แน่นอนว่าเราทุกคนไม่สามารถห้ามการเสียใจหรือโศกเศร้าเมื่อเกิดความผิดพลาดได้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ เมื่อรู้ว่าผิดพลาดแล้วให้คิดหาสาเหตุของความผิดพลาดนั้น แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นได้อีก 6.จดบันทึกคนประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงต่อวัน ในการคิดเพื่อที่จะคิดอย่างมีประสิทธิภาพ การจดบันทึกจะช่วยให้เราจำสิ่งๆนั้นได้ดีขึ้นหลายเท่า นอกจากนี้คุณยังสามารถจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ เช่น ความสำเร็จ ความล้มเหลว ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับเราได้เมื่อเราได้ย้อนกลับมาอ่านอีกครั้งหนึ่ง 7.การหาแบบอย่างหรือบุคคลตัวอย่างโดยเฉพาะบุคคลที่ประสบความสำเร็จหรือบุคคลที่เราอยากจะมีชีวิตแบบเขาก็เป็นอีกทางหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจขึ้นภายในตนเอง ศึกษาว่าเขามีแนวคิด แนวปฏิบัติอย่างไรจึงประสบความสำเร็จเราก็สามารถนำเอามาสร้างแรงบันดาลใจเพื่อต้นแบบสู่ความสำเร็จของเราได้ 8.มีเป้าหมายและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนก่อนจะพิชิตเป้าหมาย ต้องรู้ก่อนว่า เป้าหมายของเรานั้นคืออะไร เป้าหมายที่ชัดเจนทำให้เรารู้ว่าต้องการจะเป็นอะไร ผู้ที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิตก็เหมือนคนที่ไม่มีแรงผลักดัน ขาดแรงจูงใจ และจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต 9.การอ่านหนังสือดีๆหนังสือที่ดีสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับเราได้ ผู้นำในหลายๆประเทศได้อ่านเรื่องเรื่องของบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ทางการเมือง ผู้นำประเทศเหล่านั้นจึงได้สร้างแรงบันดาลใจในตัวเองขึ้น เขาเหล่านั้นจึงเกิดความต้องการที่จะเป็นผู้นำประเทศเหมือนกับชีวประวัติของผู้นำในหนังสือบ้าง 10.การเขียนเป้าหมายคือการสร้างภาพความฝัน ที่เราเองต้องการอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะตอนก่อนเข้านอน ในโลกนี้มีกฎแห่งการดึงดูด หากหมกมุ่นครุ่นคิดเรื่องใดเป็นประจำ ก็มักจะได้สิ่งนั้น ดังนั้นวิธีง่ายๆ จงคิดถึงมัน จึงฝันถึงมัน จงจินตนาการถึงเป้าหมายของเราบ่อยๆ แล้วชีวิตของคุณก็จะเดินทางไปสู่เป้าหมายหรือความฝันของตนเองได้สำเร็จในที่สุด “ฝันให้ไกล…แล้วไปให้ถึง”